คอลลาเจนดีอย่างไร ? มาไขคำตอบเกี่ยวกับคอลลาเจนกัน

คอลลาเจนดีอย่างไร ? วันนี้จะพาทุกคนมาเจาะลึกและไขคำตอบเกี่ยวกับคอลลาเจนกัน คอลลาเจนมีรากศัพท์มาจากภาษากรีกในสมัยโบราณ มีความหมายถึงกาว ดังนั้นคอลลาเจนก็คือโปรตีนในรูปแบบหนึ่งที่ยึดเกาะใต้ผิวนั่นเอง ซึ่งมีชื่อเรียกในทางวิชาการว่า “โปรตีนเมตริกน็อกเซลล์” หน้าที่ที่แท้จริงของคอลลาเจนก็เป็นเหมือนกาวหรือเส้นเอ็นที่มีความเหนียวและหยุ่นตัว มีความยืดหยุ่นสูงกางอยู่เป็นโครงข่ายทั่วไปในผิวหนังตลอดทั้งร่างกายเราทุกๆ ส่วน นอกจากกางตัวเป็นตาข่ายให้ผิวหนังตึงแล้วยังยึดในส่วนของเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อไม่ให้เคลื่อนหรือหย่อนคล้อยผิดรูปผิดที่อีกด้วย ช่วยยึดและโยงส่วนต่างๆ ของอวัยวะให้อยู่เรียงตัวในที่ๆ ถูกและช่วยป้องกันไม่ให้อวัยวะต่างๆ เคลื่อนตัวผิดที่

นับว่าคอลลาเจนมีบทบาทและหน้าที่สำคัญมากกว่าที่เราคิดและสำคัญมากกว่าเพียงแค่ทำให้ผิวพรรณดูสวยงามเท่านั้น ในร่างกายของคนเราที่มีสุขภาพผิวที่ดี และสุขภาพภายในที่สมดุลจะมีปริมาณของคอลลาเจนประกอบอยู่ถึง 75% ของโปรตีนที่มีทั้งหมดในร่างกาย แต่เมื่อร่างกายได้ถูกใช้งาน อายุเริ่มมากขึ้นร่างกายก็จะสูญเสียการผลิตคอลลาเจนลงเรื่อยๆ เป็นลำดับ


คอลลาเจนคืออะไร ?

คอลลาเจนดีอย่างไร

ก่อนจะไปเจาะลึกว่า คอลลาเจนดีอย่างไร ? เราลองมาทำความรู้จักกันก่อนว่าจริงๆ แล้ว คอลลาเจนคืออะไร ? คอลลาเจน​​ คือ เส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่งที่ลักษณะเป็นเส้นใยโปรตีนที่แข็งแรง ทนทาน และเหนียวแน่นสูง สามารถพบได้มากถึง 1 ใน 3 ของโปรตีนทั่วร่างกาย โดยจะอยู่ตามโครงสร้างเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ของทั้งคนและสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง ข้อต่อ กระดูก กระดูกอ่อน ขน เส้นผม กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือหลอดเลือด เป็นต้น

องค์ประกอบหน่วยย่อยของคอลลาเจน คือ กรดอะมิโนไกลซีน (glycine) โพรลีน (proline) และไฮดรอกซีโพรลีน (hydroxyproline) เมื่อกรดอะมิโนทั้ง 3 สายมารวมตัวกันแบบ triple-helix ซึ่งเป็นหน่วยย่อยของคอลลาเจน เรียกว่า โทโพคอลลาเจน (topocollagen subunit) ก็จะกลายเป็นโครงสร้างของคอลลาเจนนั่นเอง

ทำหน้าที่เป็นทั้งโครงสร้างและกาวที่ยึดเกาะ เพื่อสร้างความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเซลล์และเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ซ่อมแซมและเสริมสร้างเนื้อเยื่อ ต่อต้านอนุมูลอิสระ และช่วยในการการสื่อสารระหว่างเซลล์ด้วย

สามารถพบชนิดของคอลลาเจนได้ถึง 28 ชนิด แต่ชนิดที่มากที่สุดในร่างกายโดยคิดเป็นร้อยละ 80-90% เลยก็คือคอลลาเจนชนิดที่ 1, 2, 3, 5 และ 10 ซึ่งแต่ละชนิดมีหน้าที่และโครงสร้างแตกต่างกันออกไปดังนี้

  • คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) : ถือว่าเป็นคอลาเจนที่พบได้มากที่สุดในร่างกายโดยพบได้มากถึง 90% เราสามารถพบคอลลาเจนชนิดนี้ได้ตามใต้ชั้นผิวหนังชั้นล่าง (dermis) เส้นผม กระดูก เนื้อเยื่อ และผนังหลอดเลือด มีส่วนช่วยในการเสริมความยืดหยุ่น ป้องกันเนื้อเยื่อไม่ให้ฉีกขาด การสมานแผล เสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
  • คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) : เป็นคอลลาเจนที่พบได้มากในกระดูก กระดูกอ่อน และข้อต่อ มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์ของเซลล์ให้มีจำนวนมากขึ้น ชะลอการเสื่อมสภาพ ลดอาการเจ็บปวดของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ
  • คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III) : คอลลาเจนชนิดนี้พบได้มากบริเวณในผิวหนัง กล้ามเนื้อ และหลอดเลือดเช่นเดียวกับคอลลาเจนประเภทที่ 1 แต่น้อยกว่า โดยคิดเป็น 10% ของสัดส่วน
  • คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Collagen Type V) : สามารถพบได้ในบริเวณกระจกตา ใต้ชั้นผิวหนัง ในเนื้อเยื่อบุเซลล์ต่างๆ ในครรภ์
  • คอลลาเจนชนิดที่ 10 (Collagen Type X) : คอลลาเจนชนิดนี้สามารถพบได้ตามกระดูกและข้อต่อ

คอลลาเจนดีอย่างไร ?

คอลลาเจนดีอย่างไร

คอลลาเจนดีอย่างไร ? คอลลาเจนเป็นหนึ่งในอาหารเสริมที่หลายคนจะต้องเคยได้ยินอย่างแน่นอน แล้วมีประโยชน์จริงหรือไม่ เชื่อว่าหลายคนยังคงถกเถียงกันอยู่ไม่น้อยทีเดียว ทั้งที่จริงแล้วปกติร่างกายของเราจะสร้างคอลลาเจนได้ด้วยตนเอง ผ่านการกินอาหารประเภทโปรตีนเป็นหลัก แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น กระบวนการในการสร้างคอลลาเจนของร่างกายจะทำได้ช้าลง และสร้างคอลลาเจนได้น้อยลง จนไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย และเมื่อร่างกายของเราขาดคอลลาเจน ผิวก็จะขาดความสดใส และมีริ้วรอยแห่งวัยปรากฏขึ้น การกินอาหารเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากธรรมชาติอาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป การเลือกหาอาหารเสริมที่เป็น คอลลาเจนบำรุงผิว มากินเลยเป็นทางเลือกของหลายๆ คน

ซึ่งแน่นอนว่าอาหารเสริมเหล่านี้มีหลายรูปแบบทีเดียว แต่ที่เป็นที่นิยมเห็นจะเป็นคอลลาเจนที่เป็นแบบผงสำหรับชงดื่ม เพราะดื่มง่าย และส่วนใหญ่มักจะมีการแต่งกลิ่น และรสชาติให้น่ารับประทานอยู่แล้ว แต่การจะกินคอลลาเจนแบบผงให้ได้ผลนั้น เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้ ในวันนี้เราจึงเลือกที่จะนำหัวข้อนี้มานำเสนอ และบอกกับคุณว่าจะกินคอลลาเจนยังไงให้ได้ผลดีที่สุด

ดื่มเวลาที่ท้องว่างเท่านั้น เพราะเวลาท้องว่างเป็นเวลาที่ร่างกายจะดูดซึมคอลลาเจนได้ดีที่สุดนั่นเอง สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลามากนักแนะนำว่าให้กินคอลลาเจนในช่วงกลางคืนก่อนนอนจะดีที่สุด และหากจะรับประทานหลังอาหาร แนะนำว่าให้รอสัก 2-3 ชั่วโมงเพื่อให้อาหารได้ย่อยแล้วจะดีกว่า เพราะการรับประทานคอลลาเจนในช่วงที่ท้องว่างและก่อนนอน จะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมคอลลาเจนไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ถ้าหากคุณมีเวลาและมีวินัยมากพอ หรือต้องการให้ผิวดูผ่องใสอย่างรวดเร็ว แนะนำว่าให้รับประทานคอลลาเจนก่อนมื้ออาหารอย่างน้อย 15 นาทีทุกมื้อ และก่อนนอนอีกหนึ่งครั้ง เพื่อให้ร่างกายได้รับคอลลาเจนอย่างเพียงพอ

ดื่มพร้อมวิตามินซี ถ้าคุณไม่ได้แค่อยากผิวเต่งตึง แต่อยากจะมีผิวพรรณที่ผ่องใสด้วย การดื่มเครื่องดื่มคอลลาเจนแบบชง ควรดื่มคู่กับวิตามินซี จะช่วยให้เห็นผลได้เร็วขึ้น เพราะเมื่อวิตามินซีและคอลลาเจนทำงานร่วมกัน จะช่วยให้การดูดซึมทำได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้อย่างรวดเร็วด้วยคุณสมบัติของอาหารเสริมทั้ง 2 ตัวนั่นเอง

ดื่มในปริมาณที่เหมาะสม นั่นก็คือ ปริมาณตามที่ระบุเอาไว้ในกล่อง หรือซองของแต่ละแบรนด์นั่นเองก็คือ อย่างน้อยวันละ 5 กรัม แต่ไม่เกินวันละ 10 กรัม ทั้งนี้การรับคอลลาเจนในปริมาณมากอาจจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายก็จริง แต่ก็จะทำให้ร่างกายต้องขับออกอยู่ดีเมื่อรับมากเกินไป อาจจะทำให้ตับและไตต้องทำงานอย่างหนักเกินความจำเป็น และสำหรับปริมาณคอลลาเจนแค่ 5-10 กรัมต่อวัน ก็ถือว่ามากเพียงพอแล้วสำหรับการย่อยสลาย และนำไปซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกาย เมื่อรู้ว่า คอลลาเจนดีอย่างไร และมีประโยชน์ต่อร่างกายในเรื่องใดบ้างแล้ว เราลองมาทำความรู้จักกับคอลลาเจนเปปไทด์กันบ้าง


คอลลาเจนเปปไทด์คืออะไร?

คอลลาเจนดีอย่างไร

คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide) เป็นชื่อของสารชนิดหนึ่งที่หลายๆ คนคงเริ่มคุ้นหูกันมากขึ้น เพราะมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหลายตัวที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนเปปไทด์ประกอบอยู่ด้วย คอลลาเจนเปปไทด์นั้นมีประโยชน์ในด้านการบำรุงผิวพรรณ เรามารู้จักคอลลาเจนเปปไทด์กันให้ละเอียดเพื่อจะได้เลือกซื้อมาบริโภคให้เหมาะกับตัวเรากันดีกว่า

คอลลาเจนเปปไทด์ เป็นคอลลาเจนบริสุทธิ์ที่มีความเข้มข้นและบริสุทธิ์กว่าคอลลาเจนธรรมดา เพราะเป็นการนำคอลลาเจนไปผ่านกระบวนการย่อยให้เป็นอนุภาคที่เล็กมากๆ ด้วยกรดจึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ไฮโดรไลซ์คอลลาเจน” หรือ Hydrolyzed collagen เมื่อคอลลาเจนบริสุทธิ์ถูกทำให้กลายเป็นคอลลาเจนเปปไทด์ก็จะทำให้อนุภาคของคอลลาเจนเล็กละเอียดจนร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายมากกว่าเดิมมาก คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบหนึ่งในร่างกายของเรา มีหน้าที่เป็นเหมือนเส้นเอ็นหรือตะข่ายที่ยึดโยงเป็นแผงภายใต้ชั้นผิวหนัง ช่วยดึงให้ผิวหนังตึงกระชับและยืดหยุ่นดี ยิ่งผิวหนังที่มีคอลลาเจนมากก็จะเด้งกระชับมาก ผิวหนังที่ขาดคอลลาเจนก็จะมีความหย่อนคล้อย สังเกตได้จากผิวของเด็กเล็กๆ ที่การผลิตคอลลาเจนสมบูรณ์จะเต่มตึงยืดหยุ่นและปราศจากริ้วรอย ต่างจากผิวของผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่หย่อนคล้อยและมีริ้วรอยมาก จึงทำให้คอลลาเจนประเภทนี้จัดว่าเป็น คอลลาเจนช่วยผิวเนียน ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

คอลลาเจนเปปไทด์อาจจะถูกนำไปเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์บำรุงความงามหลายรูปแบบทั้งในแบบทาและแบบรับประทาน แต่โดยมากแล้วจะนิยมนำมาเป็นส่วนผสมของอาหารเสริมที่ใช้รับประทานมากกว่า เหตุผลก็เพราะกระเพาะอาหารจะดูดซึมคอลลาเจนเปปไทด์ได้ดีกว่าการดูดซึมทางผิวหนัง และการกระจายตัวของคอลลาเจนเปปไทด์ไปสู่ส่วนต่างๆ รวมถึงการบำรุงผิวจะได้ผลมากกว่าจากภายใน

มาถึงเหตุผลที่ว่าทำไมร่างกายจึงต้องการคอลลาเจนเปปไทด์ในเมื่อร่างกายของคนเราก็มีการผลิตคอลลาเจนอยู่แล้วตั้งแต่แรกเกิด นั่นก็เพราะว่าร่างกายของคนเราในแต่ละวัยมีความสามารถในการผลิตคอลลาเจนที่แตกต่างกัน ยิ่งอายุมากขึ้นการผลิตคอลลาเจนก็จะลดลงเป็นลำดับ ในคนวัย 40 ปีขึ้นไป ประสิทธิภาพที่ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนสู่ผิวออกมจะลดลงถึงร้อยละ 30% ประกอบกับต้องเผชิญกับมลภาวะ รังสียูวีจากแสงแดดและความร้อนต่างๆ ทำให้ผิวหนังเสื่อมสภาพลง ไม่กระชับเต่งตึงและยังเกิดริ้วรอยอย่างเห็นได้ชัดเจน คอลลาเจนเปปไทด์ที่มีผลิตสู่ท้องตลาดนั้นมีแหล่งที่มาหลักๆ อยู่ 2 แหล่งได้แก่ คอลลาเจนเปปไทด์ที่สกัดได้จากสัตว์ทั่วไป เช่น ไก่ หมู หรือวัว และคอลลาเจนจากสัตว์ทะเลน้ำลึก

ดังนั้น ประโยชน์ของคอลลาเจนเปปไทด์คือ ช่วยทำให้ผิวเต่งตึง ยกกระชับคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว ทำให้ดูเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่เสมอ แต่นอกเหนือจากนั้นคอลลาเจนเปปไทด์ยังช่วยบำรุงในส่วนของผมและเล็บด้วย ทำให้ผมแข็งแรงสมบูรณ์เงางาม ไม่แห้งเสียหรือขาดร่วงได้ง่าย เล็บแข็งแรงไม่เปาะหักง่ายมีผิวเล็บที่สม่ำเสมอ และยังช่วยบำรุงหล่อเลี้ยง ข้อต่อ กระดูก เส้นเอ็นและหลอดเลือดฝอยด้วย นับว่าเป็นอีกสารอาหารเสริมที่ช่วยได้ทั้งความแข็งแรงของร่างกายและช่วยในด้านความงามของผิวพรรณและส่วนต่างๆ คอลลาเจนเปปไทด์จึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีของคนที่รักสุขภาพและเอาใจใส่ความงาม


ประโยชน์ของคอลลาเจนที่จำเป็นต่อร่างกาย

เมื่ออายุมากขึ้นการผลิตคอลลาเจนได้เองตามธรรมชาติจะเริ่มลดลงในอัตราอย่างน้อย 1.5% ของทุกๆ ปี ยิ่งในช่วงอายุ 40-50 ปี ร่างกายของบางคนอาจจะผลิตคอลลาเจนได้ช้าและน้อยลงถึง 30% ก็เป็นได้ ซึ่งการลดลงของประสิทธิภาพในการผลิตคอลลาเจนไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะบางคนเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของธรรมชาติที่เกิดขึ้นเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในปัจจุบันด้วยวิวัฒนาการและความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ ทำให้เราสามารถเสริมคอลลาเจนให้กับร่างกายได้ ทั้งในรูปแบบของการรับคอลลาเจนเข้าไปในร่างกายโดยตรงหรือการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนและคอลลาเจนเข้าไปสู่ร่างกาย อีกวิธีก็คือการรับประทานสารอาหารเข้าไปช่วยในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ให้ร่างกายมีการผลิตคอลลาเจนได้เร็วขึ้นและมากขึ้นให้เกิดความสมดุลภายใน นอกจากจะทำให้ผิวพรรณดีขึ้นก็จะทำให้ข้อต่อตามร่างกาย กระดูกและเส้นเอ็นแข็งแรงขึ้นด้วย ลองมาดูประโยชน์ของคอลลาเจนว่าทำไมถึงจำเป็นต่อร่างกายกันดีกว่า

1. คอลลาเจนดีอย่างไร ? ประโยชน์ต่อผิวพรรณ

คอลลาเจนดีอย่างไร
คอลลาเจนมีประโยชน์อย่างเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่าของเรา ซึ่งเราสามารถเปรียบเทียบระหว่างคนที่ร่างกายมีคอลลาเจนในปริมาณที่พอดีและเพียงพอ ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้ดีก็คือ ผิวพรรณของคนที่คอลลาเจนสมบูรณ์จะเปล่งปลั่งงดงาม มีน้ำมีนวล ตึง กระชับ ส่วนต่างๆ ของร่างกายโดยเฉพาะใบหน้า ท้องแขน ต้นแขน ต้นขา สะโพก บั้นท้ายจะได้รูปไม่หย่อนคล้อย เนื้อไม่ห้อยย้วย โดยที่ไม่ได้ขึ้นอยู่เฉพาะว่าคนๆ นั้นจะมีรูปร่างอย่างไรจะผอมหรืออ้วน ทั้งคนอ้วนและคนผอมมีโอกาสที่จะขาดคอลลาเจนและร่างกายผลิตคอลลาเจนได้ไม่สมบูรณ์ได้ทั้งสิ้น

สังเกตได้จากคนที่มีรูปร่างอ้วนบางคนกลับมีผิวที่หย่อนคล้อย มีต้นแขนต้นขาย้วย ในขณะที่คนรูปร่างอ้วนอีกคนกลับมีผิวกระชับดูแข็งแรงคล่องตัว เช่นเดียวกันกับคนรูปร่างผอม มองเพียงผิวเผินก็ดูหุ่นดีได้รูปแต่เมื่อสังเกตดูเฉพาะส่วนอย่างส่วนต้นขาหรือท้องแขนกลับมีผิวหนังที่หย่อยคล้อย นั่นก็เป็นเพราะผิวหนังขาดคอลลาเจนนั่นเอง

2. ประโยชน์ต่อไขข้อ ข้อต่อและกระดูก

คอลลาเจนดีอย่างไร
ทราบไหมว่ากระดูก ข้อต่อและไขข้อก็มีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญอยู่ด้วย ภายในข้อต่อ เช่น ข้อต่อหัวเข่า ข้อต่อสะโพก ข้อศอก ข้อเท้า ข้อมือ อวัยวะต่างๆ เหล่านี้มีเบ้ากระดูกที่ทำให้กระดูกสองส่วนมาต่อกันตรงกลาง โดยมีกระดูกและเอ็นส่วนเบ้ารองรับอยู่ ซึ่งจุดนี้จะมีน้ำหล่อลื่นที่ประกอบไปด้วยคอลลาเจน และมีคอลลาเจนในเอ็นยึดต่างๆ ด้วย เมื่อคอลลาเจนถูกผลิตได้น้อยลง น้ำหล่อลื่นและสารรองรับการเสียดทานเหือดหายไปเรื่อยๆ เวลาที่เราขยับเคลื่อนไหวร่างกายในส่วนดังกล่าวก็จะเกิดการเสียดสีของกระดูกที่ไม่มีตัวช่วยลดแรงต้านทาน ทำให้กระดูกเสื่อมกร่อนเร็ว นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเมื่ออายุมากขึ้น ข้อต่อต่างๆ และกระดูกจึงเสื่อม เพราะคอลลาเจนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ข้อต่อเหล่านี้ยังคงแข็งแรงและเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว เช่นเดียวกับน้ำมันหล่อลื่นของเครื่องจักรยนต์

เมื่อร่างกายมีวัยที่เพิ่มขึ้นและการผลิตคอลลาเจนพร่องไปเรื่อยๆ เมื่อเราเติมคอลลาเจนเข้าไปสู่ร่างกายหรือรับประทานสารที่ไปเร่งกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนก็เหมือนเป็นการยืดอายุให้กับอวัยวะต่างๆ ในส่วนข้อต่อ กระดูก พังผืดและเส้นเอ็นไม่ให้เสื่อมเร็วนั่นเอง ทำให้ห่างไกลจากโรคกระดูกเสื่อม ไขข้ออักเสบและโรคข้อได้

3. ประโยชน์ในการช่วยบำรุงผมและเล็บ

ประโยชน์ของคอลลาเจน
คอลลาเจนยังเป็นส่วนประกอบที่มีอยู่ในเส้นผมและเล็บของคนเราอีกด้วย เมื่อร่างกายมีคอลลาเจนที่สมดุลจะเห็นได้จากผมที่เงาสลวยและแข็งแรง เส้นผมไม่ลีบเล็กหรือหลุดร่วงขาดง่าย เป็นผมที่เงางาม เล็บที่มีคอลลาเจนในปริมาณที่พอดีจะเป็นเล็บที่มีอัตราการงอกยาวที่รวดเร็ว และเล็บใหม่จะแข็งแรง ไม่เปาะหักง่ายๆ ไม่ซีดหรือเป็นลอนผิดรูป ผิวหน้าเล็บเป็นเงาวาวบ่งบอกถึงสุขภาพที่ดี

เห็นได้ว่าการรับประทานทานคอลลาเจนมีผลดีต่อสุขภาพจริงๆ ทั้งในเรื่องของผิวพรรณ ผม เล็บ ช่วยให้เราอ่อนเยาว์ด้วยการต่อสู้กับสัญญาณแห่งวัย เช่น ริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ผมร่วงและเล็บฉีก สำหรับอาการปวดข้อและเอ็นหรือข้อเสื่อม ช่วยทำให้ข้อต่อและกระดูกแข็งแรงขึ้นได้


12 อาหารที่มีคอลลาเจนเพิ่มความเต่งตึงให้ผิว

คอลลาเจนคืออะไร

ในการรับประทานคอลลาเจนให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุดก็ควรรับประทานควบคู่ไปกับการกินอาหาร รวมไปถึงการดื่มน้ำ พักผ่อนอย่างเพียงพอด้วย เพื่อให้ร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนและดูดซึมนำไปใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ วันนี้เราก็มี 12 อาหารที่มีคอลลาเจนเพิ่มความเต่งตึงให้ผิวมาแนะนำกัน

1. ผักใบเขียว
ผักใบเขียวไม่ได้มีดีแค่มีใยอาหารสูงเท่านั้น แต่ในผักใบเขียวยังมีสารที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ผักใบเขียวยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง ลูติน (Lutein) ที่ดีต่อผิวของเราอีกด้วย โดยลูตินจะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เรียบเนียน และไม่เหี่ยวไม่แก่ก่อนวัย

2. ถั่ว
ในถั่วนั้นมีสารที่เรียกว่า เจนิสติน (Genistein) มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพิ่มความชุ่มชื้นใต้ผิวให้มากขึ้น และสารตัวนี้ยังช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีผิว และการก่อตัวของ Lipofuscin ซึ่งเป็นสาเหตุของจุดด่างดำที่เพิ่มขึ้นตามวัย

3. ปลาแซลมอน
ปลาแซลมอนนั้นมีซิงค์และแร่ธาตุที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกายของเราะ นอกจากนี้แซลมอนยังมีไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นของผิวอีกด้วย ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ เนียนนุ่ม ดูอ่อนวัย

4. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณอย่างมาก เนื่องจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นั้น ไม่ว่าจะเป็นโกจิเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ หรือราสป์เบอร์รี่ ล้วนมีวิตามินซีสูง ซึ่งวิตามินซีนั้นมีความสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจน หากกินเป็นประจำก็จะช่วยให้ผิวกระชับ เต่งตึงขึ้น และช่วยลดเลือนจุดด่างดำด้วย

5. ผลไม้ตระกูลส้ม
ผลไม้ตระกูลส้มก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี ซึ่งในส้มนั้นจะมีวิตามินซีซึ่งช่วยกรดอะมิโนในการผลิตโพรลีน (Proline) ซึ่งเป็นสารที่จำเป็นในการผลิตคอลลาเจนให้มากขึ้น และนอกจากจะช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนแล้ว วิตามินซียังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย

6. น้ำมะพร้าว
น้ำมะพร้าวช่วยให้ผิวสวยได้อีกด้วย เพราะในน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น และชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย

7. เห็ด
เห็ดช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนได้ดี เพราะในเห็ดแทบทุกชนิดอุดมไปด้วยโปรตีน และสารต้านอนุมูลอิสระที่​ช่วยในกระบวนการเสริมสร้างคอลลาเจนของร่างกาย แถมสารต้านอนุมูลอิสระยังช่วยลดริ้วรอยต่างๆ ได้ดี

8. ไข่ขาว
ไข่ขาวเป็นอาหารที่มีปริมาณของสารโพรลีน (Proline) ค่อนข้างมาก โดยสารตัวนี้ก็เป็นหนึ่งในกรดอะมิโนที่เป็นส่วนประกอบในการสร้างโปรตีนและเป็นตัวสำคัญในการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย ซึ่งหากกินไข่ขาวเป็นประจำโดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากก็จะช่วยทั้งการบำรุงข้อ รวมทั้งบำรุงผิวพรรณ

9. กระดูกอ่อน
คนที่ชอบรับประทานอาหารประเภทต้มแซ่บตีนไก่ ซุปเปอร์ขาไก่ หรือต้มกระดูกอ่อนหมู จะได้รับคอลลาเจนอย่างแน่นอน สังเกตได้จากน้ำซุปออกจะมันๆ หนืดๆ หรือหากทิ้งไว้สักครู่ให้เย็นจะเห็นคล้ายวุ้นลอยอยู่ในน้ำซุป นั่นแหละคือคอลลาเจนที่ละลายออกมาจากขาไก่หรือตีนไก่นั่นเอง

10. หอยนางรม
อาหารทะเลอย่างหอยนางรม จัดได้ว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ที่นอกจากจะอุดมไปด้วยแร่ธาตุสังกะสี และมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อกระบวนการสร้างคอลลาเจนแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมของวิตามินหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี และวิตามินดีอีกด้วย

11. เมล็ดข้าวสาลี
ธัญพืชอย่างเมล็ดข้าวสาลีที่ไม่ว่าจะหุงเป็นข้าวสวยหรือทำข้าวต้มก็อร่อย หรือจะดัดแปลงเป็นแป้งขนมปังก็ได้ สามารถที่จะช่วยยืดอายุคอลลาเจนในร่างกายให้ยาวขึ้นกว่าเดิมได้ และในเมล็ดข้าวสาลียังมีเส้นใยอาหารสูง ช่วยในการเพิ่มกากใยอาหาร และเป็นผลดีต่อระบบขับถ่าย

12. ดาร์กช็อกโกแลต
ดาร์กช็อกโกแลตหรือช็อกโกแลตที่มีความเข้มข้นสูง มีความสามารถในการช่วยบำรุงผิวพรรณให้เต่งตึงได้ ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในดาร์กช็อกโกแลตซึ่งมีปริมาณมากพอที่จะสร้างคอลลาเจน และชะลอการเกิดริ้วรอยได้ จากผลวิจัยแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมนี ได้ทำการยืนยันแล้วว่าดาร์กช็อกโกแลตไม่ทำร้ายผิว และไม่ทำให้ผิวหมองคล้ำขึ้นแน่นอน

นอกจาก 12 อาหารที่มีคอลลาเจนที่เราแนะนำกันไปข้างต้น ยังมีแหล่งของคอลลาเจนที่สามารถหามารับประทานได้ก็คือ สาหร่ายทะเลทุกชนิด เนื้อปลา เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว ผลไม้ที่มีสีแดงๆ อย่างลูกพรุน อาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันโอเมก้า เช่น อะโวคาโด อัลมอนด์ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดแฟล็ค ปลาทูน่า นอกจากนั้นยังพบได้ในมะกอกหลายสายพันธุ์ เช่น มะกอกเขียว มะกอกดำ ในแตงกวา ซูกินี่ เครื่องดื่มประเภทชาขาว และอื่นๆ อีกมากมาย แต่เราอาจจะไม่สามารถเลือกรับประทานอาหารเหล่านี้ได้เป็นประจำ เพราะต้องยอมรับว่าสำหรับไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันที่ยุ่งและรีบเร่ง การเลือกรับประทานอาหารตามที่ต้องการให้ได้สารอาหารที่ครบและมีคอลลาเจนก็เป็นเรื่องยาก


ดังนั้น ถ้าหากสาวๆ ไม่อยากที่จะมีผิวหนังที่แก่ไปตามวัย อีกทางเลือกก็คือการรับประทานอาหารเสริมคอลลาเจนนั่นเอง เรียกได้ว่ามันมีประสิทธิภาพในการ ดูแลผิวหน้าให้เนียน ได้นั่นเอง แม้ว่าการรับประทานอาหารเสริมคอลลาเจนจะไม่มีอันตรายอะไรเป็นตัวเลือกที่สามารถทำได้ แต่ข้อควรระวังก็คือควรรับประทานในปริมาณที่กำหนดและเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีการรับรองอย่างถูกต้อง มี อย. และมีผลการวิจัยอย่างดี อีกวิธีหนึ่งที่มีคนจำนวนหนึ่งนิยมเพราะให้เห็นผลได้รวดเร็วก็คือการฉีดคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายเลยโดยตรง วิธีการนี้มีค่าใช้จ่ายสูงและยังมีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงและการแพ้ จึงต้องเข้ารับการฉีดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

อย่างไรก็ตามคอลลาเจนถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่ไม่น้อย จะเลือกรับประทานแบบไหนก็สามารถเลือกได้ตามความชอบ อย่าให้ร่างกายขาดคอลลาเจนก็พอ มิเช่นนั้นแล้วผิวของเราก็จะเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอย เกิดปัญหาตามผิว อาจจะต้องมีสภาพผิวพรรณที่แก่ไปตามอายุได้ รวมถึงปัญหากระดูกและข้อต่อตามมา และทำให้สาวๆ นั้นขาดความมั่นใจในการใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อีกด้วย


References:

Collagen For Skin – What You Need To Know About The Skin Plumping Ingredient. https://www.elle.com/uk/beauty/skin/a41866749/collagen-for-skin/

What Is Collagen, and What Is It Good For?. https://www.healthline.com/nutrition/collagen

What is collagen, and why do people use it?. https://www.medicalnewstoday.com/articles/262881